เครดิต : นพ.ปิยพล พัฒนครู
Fat Grafting หรือ Fat Transfer หรือ Fat Filler เป็นความพยายามที่จะนำเอาไขมันในส่วนที่ไม่ต้องการเช่นหน้าท้อง หรือต้นขา มาใช้ยังบริเวณที่ต้องการเช่น บริเวณใบหน้า หรือเสริมหน้าอก เพื่อที่จะให้บริเวณที่มีไขมันสะสมน้อยลงอาจเนื่องด้วยตามวัยเช่น เวลาอายุมากขึ้นความแข็งแรงระหว่างผังผืดกับชั้นไขมันที่ยึดใบหน้านั้นลดลงร่วมกับไขมันในบางบริเวณลดลงทำให้เกิด ริ้วรอย เกิดร่องแก้ม ร่องน้ำตาเกิดขึ้นบางคนแก้มตอบจากการที่ไขมันบริเวณแก้มลดลง หรือ บางครั้งบางคนหน้าอกเล็กเนื่องจากกรรมพันธุ์ หรือโรคบางชนิด ซึ่งการเพิ่มไขมันในบริเวณที่ต้องการนั้นจำเป็นที่ต้องใช้หลักการความรู้ด้าน tissue engineering และความเข้าใจเกี่ยวกับ cell ไขมันมาประกอบเนื่องจากไขมันนั้นบอบบางการคงอยู่ของไขมันที่ได้จากการดูดไขมันแล้วย้ายไปวางยังบริเวณที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับ technique ของแพทย์ค่อนข้างมาก โดยเริ่มดั้งแต่ขั้นเลือกตำแหน่งที่จะดูดไขมัน การเลือกเครื่องมือที่จะใช้ดูดไขมัน การเตรียมไขมันก่อนที่จะย้ายไขมันไปยังตำแหน่งทีต้องการ รวมถึงทักษะในการวางไขมันไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งทำให้ผลของการทำ Fat Grafting ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยแต่ขณะนี้ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ทำให้เราสามารถเพื่มขีดความสามารถในการคงอยู่ของไขมันได้สูงขึ้นจึงเริ่มมีการนำเข้ามาใช้ในวงการศัลยกรรมความงามกันมากขึ้น จึงขอแนะนำว่าก่อนการตัดสินใจทำควรทราบถึงรายละเอียดการทำ ผลที่จะตามมาในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก และผลในระยะยาว ร่วมกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนการตัดสินใจ
Fat Grafting นำมาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
- เติมเต็มบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อวบอิ่ม เช่นบริเวณขมับ ร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา มุมคาง หน้าผาก เต้านม ฯลฯ
- ฟื้นฟูสภาพผิวพรรณที่เสื่อมลง
- เติมเต็มบริเวณหลังมือ
- เติมเต็มร่องรอยความไม่เรียบหลังการดูดไขมัน ฯลฯ
ข้อดีของวิธีการนี้
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปและเหลืออยู่หลังจากผ่านไป 6 เดือนจะอยู่ได้ถาวร
- ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถเติมเต็มไขมันได้ในปริมาณมากในการทำแต่ละครั้ง (อาจทำสองถึงสามครั้ง)
- ไขมันเป็นฟิลเลอร์ที่มีชีวิตสามารถฟื้นฟูสภาพความมีชีวิตชีวาของผิวหน้าได้เพราะไขมันมีสเต็มเซลล์ไขมันปนอยู่
ข้อเสีย
- ไม่สามารถทำในคนที่ผอมมากๆ
- แม้ว่าผลการเติมเต็มไขมันจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีการสลายตัวบางส่วน ปริมาณการสลายตัวของไขมันนั้นไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับธรรมชาติแต่ละคน และในแต่ละตำแหน่งของร่างกายที่ตอบสนองแตกต่างกัน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
- คนไข้อาจต้องพักฟื้นในช่วง 1- 3 สัปดาห์หลังทำ
- งดวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุง และยาต้านเกร็ดเลือดทุกชนิด ไม่ต่ำกว่า 1สัปดาห์
กระบวนการขั้นตอนในการผ่าตัด
- ก่อนอื่นต้องเลือกตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน เช่นหากต้องการนำไปเสริมหน้าอก หรือเติมเต็มบริเวณใบหน้า ในการทำคนไข้จะอยู่ในท่านอนหงาย มักจะเลือดดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง ต้นขาด้านในหรือด้านนอก คือเลือกบริเวณที่สามารถนำไขมันออกมาได้สะดวกที่สุด
- ฉีดยาชาไปยังบริเวณที่จะทำการดูดไขมัน
- ใช้เข็มดูดไขมันออกมา การใช้เข็มแทนการใช้เครื่องดูด จะดีในแง่ของการควบคุมความดัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไขมันที่สลายและตายจำนวนมาก
- หลังจากได้ไขมันครบตามที่ต้องการแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมไขมัน ด้วยกระบวนการ lipo- aspiration process ด้วยเครื่องปั่นทางการแพทย์ เพื่อแยกเนื้อเยื่อไขมันที่มีชีวิต ด้วยเครื่องปั่นทางการแพทย์ เพื่อแยกชั้นไขมัน เพื่อแยกให้ส่วนที่มีความเข้มข้นน้อยที่สุดอยู่ด้านบน รองลงมาคือเข้มข้นปานกลาง และเข้มข้นมากที่สุดอยู่ด้านล่าง การแยกชั้นทำเพื่อเลือกไขมันที่มีโอกาสมีชีวิตรอดมากที่สุดมาใช้ ตัดปริมาณสารที่ตายแล้วออก ซึ่งสิ่งที่ตายแล้วจะอยู่ด้านบนซึ่งมักจะเป็นพวกน้ำมัน เซลล์ไขมันต่างๆ ที่แตกตัว ซึ่งจะถูกคัดทิ้งไป
- นำไขมันที่ได้ไปสกัดเซลล์ไขมันเพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่ต้องการ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Cal (Cell-Assisted Lipotransfer) ซึ่งวิธีนี้ก็จะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ ไขมันที่จะมีชีวิตอยู่ มีปริมาตรแน่นอน สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่าต้องใส่ไขมันปริมาณเท่าใด
- นำไขมันที่ได้มาผสมกับเซลล์แล้วนำไปฉีดในบริเวณที่ต้องการด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Structural Fat Graft เป็นการปลูกถ่ายไขมันเพื่อฟื้นคืนรูปทรงตามธรรมชาติแบบสามมิติของแต่ละส่วนย่อยๆของร่างกาย
- เข็มที่ใช้ในการฉีดแพทย์จะใช้ Blunt Cannular ซึ่งมีลักษณะเป็นเข็มปลายทู่ เพื่อลดการกระทบกระเทือนแก่อวัยวะข้างเคียงขณะฉีด เพราะสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือเส้นประสาท เส้นเลือด กล้ามเนื้อ และต่อมน้ำลายข้างแก้ม หากได้รับการกระทบเทือนอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ในการฉีดแพทย์จะแทงเข็มเข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ลักษณะการแทงเข็มจะขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละคน ซึ่งการทำให้ได้เรียบเนียนและการทำให้เซลล์ไขมันที่ใส่เข้าไปสูญเสียน้อยที่สุดอาจต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำค่อนข้างมากเนื่องจากต้องเข้าใจและรู้จักเซลล์ไขมันเป็นอย่างดีเพราะว่าเซลล์ไขมันค่อนข้างบอบบางและตายได้ง่ายมาก
ทั้งนี้วิทยาการทุกอย่างย่อมมีผู้เชี่ยวชาญหลายระดับ สภาพผู้ที่อยากจะเข้ารับบริการก็มีความพร้อมหรือพื้นฐานสุขภาพที่แตกต่างกัน การสวยหรือคงความเป็นหนุ่ม อ่อนเยาว์โดยวิธีธรรมชาติยังเป็นข้อแนะนำอันดับหนึ่ง ซึ่งก็คือการเลือกรับทานอาหารที่เหมาะกับวัย มีประโยชน์ มีสารอาหาร และวิตามินครบถ้วน ดื่มน้ำที่มีคุณสมบัติที่ดีให้เพียงพอ ออกกำลังกานที่เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ การรักษาความสะอาดร่างกาย และรักษารูปร่าง น้ำหนักที่สมดุลย์ ที่สำคัญที่สุดซึ่งได้พิสูจน์แล้วก็คือการที่มีสภาพจิตใจที่แข็งแรง หรือมีทัศนคติที่ถูกต้อง มีวุฒิภาวะทางอารมย์ดี สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานโดยธรรมชาติ ที่จะทำให้เราดูอ่อนเยาว์ได้อย่างยั่งยืนจากภานในถึงภายนอก จากจิตใจออกมาสู่ร่างกาย หวังว่าทุกท่านจะสามารถคงความแข็งแรงไว้ได้อย่างสดใส สดชื่น กระฉับกระเฉง และเปี่ยมด้วยสมองอันเฉียบคมอยู่เสมอ หากต้องการใช้วิทยาการเพื่อความสวยงาม หรืออ่อนเยาว์ก็ขอให้ใช้อย่างเหมาะสม หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูล ทราบผลกระทบต่างๆ แล้วเป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น