วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ



เรื่องดูง่าย ที่ใครก็อาจบอกว่ารู้แล้ว แต่ถ้า "I KNOW แล้ว ไม่มี "I DO" รับรองว่าผลดีไม่เกิดแน่ มาดูวิธี และประโยชน์ของการดื่มน้ำกันว่ามันดีแค่ไหน
1. ดื่มน้ำสะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว โดย 1 แก้วมีขนาดประมาณ 240 ซีซี โดยระยะเวลาที่ควรดื่มในหนึ่งวันอาจเปลี่ยนแปลงได้บ้างเล็กน้อย ตามสะดวกคือ ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว ตอนสาย (ประมาณ 09.00-10.00 น.) 2 แก้ว ตอนบ่าย (ประมาณ 13.00-14.00 น.) 3 แก้ว ตอนเย็น (ประมาณ 19.00-20.00 น.) 3 แก้ว และก่อนเข้านอน 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งที่ตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบาย
3. ไม่ดื่มน้ำที่ร้อนมากหรือเย็นจัด ถ้าเป็นน้ำอุ่นเล็กน้อยดื่มในตอนเช้าจะทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ลำไส้สะอาด
4. ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำครั้งละ 2-3 แก้ว ติดต่อกันทันทีให้ดื่มตามปกติ สบายๆ
5. ไม่ควรดื่มน้ำมากประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนและหลังรับประทานอาหาร
6. ไม่ควรรับประทานอาหารพร้อมกับน้ำดื่มตลอดเวลา
7. ควรมีน้ำสะอาดบรรจุขวด สำหรับเป็นน้ำดื่มพกติดตัวขณะเดินทาง
การดื่มน้ำที่สะอาดอย่างเพียงพอจะช่วยให้ระบบในร่างกายได้รับการกระตุ้นและพร้อมที่จะทำงาน ส่งผลให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1. นัยน์ตาสดใส เป็นประกาย เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงแวววาวตลอด ไม่มีเส้นเลือดแดงก่ำ ไม่แสบตา
2. ใบหน้าชุ่มชื่น เต่งตึงเป็นสีชมพู เพราะเลือดไหลเวียนดี
3. ปาก ลิ้นสะอาด ไม่ร้อนใน
4. ผิวกายไม่เหี่ยวย่น
5. ลมหายใจสะอาดสดชื่น หายใจโล่งเย็น
6. เลือดไม่ข้น การไหลเวียนเป็นไปได้ง่าย สูบฉีดดี หัวใจจึงไม่ทำงานหนัก ไม่เมื่อยล้า ไม่เหนื่อยง่าย หัวใจเป็นปกติ มีประสิทธิภาพดีและแข็งแรง
7. ระบบขับถ่ายดี ไม่ท้องผูก
8. ไตดี ปัสสาวะใสสะอาด ไม่ปวดหลังปวดเอว รูขุมขนมีเหงื่อชุ่มเสมอ
ใครที่อยากมีสุขภาพดี แข็งแรง สวยหล่อ ขอให้นึกถึงวิธีพื้นฐานธรรมชาติคือ การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณเพียงพอ
เครดิต : manager.co.th



 คลิกลงทะเบียนรับหนังสือฟรี

คลิกลงทะเบียนรับหนังสือดูและสุขภาพฟรี


วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Molecular Resonance Effect Technology คืออะไร

Molecular Resonance Effect Technology 
หรือที่เรียกโดยย่อว่า MRET นั้นคืออะไร และน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท MRET คืออะไร ขอตอบคำถามข้อหลังก่อนว่า...


น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ทคืออะไร


น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ทคือน้ำที่มี “สภาพคล่องยิ่งยวด” (super liquidity) ช่วยเติมความชุ่มฉ่ำให้กับเซลล์ร่างกายคุณได้มากกว่าน้ำธรรมดาถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร และขับของเสียออกจากเซลล์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย



     เนื่องจากร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณที่สูงถึง 75% การรักษาระดับ “ความชุ่มน้ำ”ภายในเซลล์ (ICW) จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก

     การเพิ่มความชุ่มน้ำให้กับเซลล์ จะถูกชี้วัดโดยปริมาณน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากในการให้พลังชีวิต และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานทางสรีรวิทยาอย่างเหมาะสม


     ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์น้ำแอคทิเวท หรือน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ทนั้น อาศัยหลักกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์อย่างแท้จริง สิ่งประดิษฐ์นี้สร้างจากแนวคิดที่ว่า สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษ สามารถส่งผลต่อโครงสร้างของสสารอื่นๆ ได้ ทั้งในระดับโมเลกุลและอะตอม

ทีนี้มาตอบคำถามข้อแรกที่ว่า MRET คืออะไร


     หัวใจของการประดิษฐ์ของเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบจากการสั่นพ้องในระดับโมเลกุล(เอ็มเร็ท) หรือ Molecular Resonance Effect Technology (MRET) นี้ สร้างขึ้นจากสารประกอบโพลิเมอร์เชิงขั้ว (Compound Polymeric Body) ผสมกับสารอินทรีย์ และอนินทรีย์ทางเภสัชศาสตร์ในสัดส่วนที่ลงตัว และภาชนะสำหรับบรรจุน้ำหรือของเหลว

     ในขั้นตอนการ ”กระตุ้นพลังน้ำ” หรือ “การแอคทิเวท” สารประกอบโพลิเมอร์พิเศษนี้จะถูกจัดวางในตำแหน่งที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วง 2,000-25,000 เออร์สเตด ที่วางไว้ภายนอก พร้อมกับได้รับแสงที่มีความยาวคลื่นในช่วง 400-800 นาโนเมตร และความถี่ในระดับ 7.8 Hz. (เฮิร์ทซ)


การกระตุ้นดังกล่าว ทำให้โพลิเมอร์ MRET กำเนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำมาก ลงไปสู่ภาชนะที่เก็บน้ำ และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุล และคุณสมบัติทางกายภาพ (ฟิสิกส์) ของน้ำอย่างมากมาย ซึ่งมีผลดีต่อสรีรวิทยาของสิ่งมีชีวิต




การกำเนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำมากดังกล่าวนั้นมีความคล้ายคลึงกับคลื่นสนามแม่เหล็กโลกตามธรรมชาติ ซึ่งพบได้ในเฉพาะพื้นที่บางแห่งบนโลก เช่น บริเวณเทือกเขาคอเคซัสในยุโรป หรือเทือกเขาทิเบตในเอเชียซึ่งน้ำจากแหล่งดังกล่าวมีคุณสมบัติทางฟิสิกส์จลศาตสร์เปลี่ยนไป และถูกนำไปใช้กันนานหลายศตวรรษ ในการส่งเสริมสุขภาพช่วยบำบัดโรค, ทำให้อายุยืนยาว อีกทั้งยังช่วยขจัดพิษ โลหะหนัก สารก่อภูมิแพ้ และสารพิษอื่น ๆ ออกจากร่างกายสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย



เกิดอะไรขึ้น หลังการกระตุ้นพลังน้ำ ?

ในระหว่างกระบวนการแอคทิเวท หรือกระตุ้นพลังน้ำโดย MRET โมเลกุลน้ำจะบันทึกสัญญาณคลื่นความถี่ต่ำที่มีลักษณะเบาบางและมีผลดีต่อสุขภาพ และจะเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพันธะองศาไฮโดรเจนของโมเลกุลน้ำเกิดการจัดเรียงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำในช่วงยาวขึ้น (Long-range multilayer molecular structures) การทำมุมจับกันอยู่ประมาณ 109.47 ๐ และมีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างโมเลกุลของน้ำที่อยู่ในเซลล์


นอกจากนี้ในสภาพของน้ำ และของเหลวที่ได้รับการกระตุ้นพลัง โครงสร้างโมเลกุลจะถูกจัดเรียงเป็นชั้นอย่างมีระบบระบบ ดึงดูดกันที่ขั้ว + ขั้ว – เรียกการเรียงตัวนี้ว่า “การสร้างพันธะเชิงขั้วต่อๆ กัน (Polarized Oriented Multilayer Formation) และมีการส่งผ่านข้อมูล(คลื่นความถี่ต่ำ)ที่ดีต่อสุขภาพ ถ่ายทอดไปยังโมเลกุลของน้ำที่อยู่ใกล้เคียงต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงน้ำที่อยู่ภายในระบบชีวภาพของเซลล์ร่างกายก็จะถูกชี้นำปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบระเบียบเช่นเดียวกัน





ที่มาข้อมูล :Smirnov I. Activated Water. Electronic Journal of Biotechnology. 2003;(6)2:p.128-142.Fisher H W, Smirnov I V. Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effects on Human Physiology. Britannia Press. Toronto. 2008;p.12 & 7www.uspto.govVysotskii V I, Smirnov I V, Komilova A A. Introduction to the Biophysics of Activated Water. Universal Publishers. Boca Raton, FLA. 2005.Activated water by Igor Smirnov, Explore Volume 11, Number 2,2002Fisher H W, Smirnov I V. Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effects on Human Physiology. Britannia Press. Toronto. 2008;p.10.Smirnov IV.Activated Water,Explore Jounal Vol 11,Number 2,2002Smirnov IV. The Anomalous Electrodynamic Characteristics and Polarized-Oriented Multilayer Molecular Structure of MRET-Activated Water. Intl J Nanoscience. 2008; Vol.7, (4 and 5): p.1-5.Smirnov IV. MRET Activated Water and its Successful Application for Prevention Treatment and Enhanced Tumor Resistance in Oncology; European Journal of Scientific Research, ISSN 1450-216X Vol16 No.4 (2007),pp.575-583

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วิตามิน ที่ช่วยปกป้องและส่งเสริมผิวของคุณ ให้สวยใส มีอะไรกันบ้าง


วิตามิน ที่ช่วยปกป้องและส่งเสริมผิวของคุณ ให้สวยใส นั้นมีอยู่หลายตัว ดังเช่น

1.วิตามินซี่ ทราบกันดีว่า วิตามินซี ช่วยให้ผิวขาว มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยผลิตสังเคราะห์คอลลาเจน นอกจากนี้วิตามินซี ยังช่วยในการลดเลือนริ้วรอย และปรับปรุงสภาพผิวที่เกิดความเสียหาย ให้กลับไปมีสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

2.วิตามินเอ เป็นหนึ่งในวิตามินที่ช่วย บํารุงผิว กระจ่างใส ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติในการช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวให้สุขภาพที่ดี หากคุณขาดวิตามินเอ อาจจะทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้านไม่สม่ำเสมอ และจากการวิจัยของ American Academy of Dermatology พบว่า การทานวิตามินเอ หรือการใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของวิตามินเอกับผิว จะช่วยในการควบคุมสิว และริ้วรอยให้น้อยลบได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

3.วิตามินบีคอมเพล็กซ์ เป็นวิตามินที่ช่วย บํารุงผิว กระจ่างใส คุณจึงไม่ควรพลาด ด้วยคุณสมบัติสุดพิเศาในการช่วยป้องกันโรคผิวหนัง และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้เซลลืผิวเรืองแสง มีสุขภาพที่ดี และในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี ยังมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอาการอักเสบ และริ้วรอยบนผิวได้อย่างดีอีกด้วย

4.วิตามินอี เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยในการลดการปรากฏตัวจองรอยแผลเป็น และลดเลือนความแห้งกร้านของผิวให้น้อยลง ผิวจึงแลดูอ่อนนุ่มมากยิ่งขึ้น

5.วิตามินเค มักนิยมนำมาใช้กับผิวพรรณ ด้วยคุณสมบัติในการช่วยแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ และรอยฟกช้ำได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในการลดเลือนริ้วรอยบนผิวให้จางน้อยลงอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นอกจากวิตามินจะเป็นส่วนผสมที่นิยมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเครื่องสำอางประเทืองความงามแล้ว การรัปทานวิตามินสกัดในรูปแบบเม็ดรูปแบบอาหารเสริมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมของผู้บริโภค
แต่เราขอแนะนำให้ท่านรัปทานอาหารต่างๆ ให้หลากหลาย ครบหมู่ เพื่อให้ได้วิตามินต่างๆ อย่างครบถ้วนจากอาหารโดยตรง ดื่มน้ำดื่มที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีอย่างเพียงพอ เช่นน้ำที่สามารถนำพาสารอาหาร และวิตามินไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างรวดเร็ว นำของเสียออกจากเซลล์ จากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทำการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนอย่างพอเหมาะของแต่ละวัย เท่านี้ผิวของท่านก็จะสดชื่น กระจ่างใส เยาว์วัยอยู่เสมอค่ะ
เครดิต : beauty24 store.com